วันนี้จะพาทุกคนมาอ่าน เกี่ยวกับ ประเทศนี้สักหน่อย คือว่าก่อนที่เมย์จะได้มารู้จักกับแฟนนั้น บอกตรง ๆ ว่าไม่เคยทราบเกี่ยวกับรายละเอียดของ เบลเยียม เลย คือรู้จักแต่ชื่อจริง ๆ ที่รู้คือเพราะ มีไอศกรีมยี่ห้อหนึ่งที่ประเทศไทย รุ่นลิมิเตดอิดิชั่น และเค้าโฆษณาว่าเคลือบด้วย Chocolate Belgium Limited Edition อร่อย และเข้มข้นนักหนา เราก็อ๋อ…พอเค้าบอกว่าบ้านอยู่เบลเยียม ก็คือ รูปแท่ง Chocolate หวานๆ ลอยมาในหัว คือรู้แค่นี้จริงๆ แล้วพอมาค้นหาใน Google Map คือต้องซูมแผนที่ประเทศนี้มากๆ แบบ ต้องขยายซูมสุด ๆ เพราะเป็นประเทศที่เล็กมาก คือขับรถใช้เวลาไม่ถึงวัน ก็สามารถไปได้ เหนือจรดใต้แล้วค่ะ แต่ยิ่งเล็ก ยิ่งซับซ้อนยิ่งมีรายละเอียดเยอะมาก เยอะจนบางทีเราก็ งงไปเลย เยอะยังไงมาตามอ่านกันได้เลยค่ะ
ข้อมูลทั่วไปของประเทศเบลเยียม
แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 3 เขตหลักๆ ซึ่งการแบ่งนี้จะมีความแตกต่างกัน ส่วนใหญ่ที่เห็นได้ชัดคือ ภาษา ที่ใช้ในแต่ละภูมิภาคจะต่างกัน คือ งงมากค่ะ คุณเป็นประเทศเดียวกันนะ แต่แยกกันใช้ภาษาราชการ คนก็สื่อสารด้วยกันยากไปอีก เมื่อมาอยู่จุดนี้รู้ซึ้งเลยว่า การที่ประเทศไทยมีภาษาเป็นของตนเองนั้น มันดีมากยังไง (รู้สึกภาคภูมิใจในภาษาไทยของบ้านเราขึ้นมาทันทีเลยค่ะ)
![](https://mayinbruges.com/wp-content/uploads/2021/05/About_Bruges_01.jpg)
ด้วยความที่เบลเยียมไม่มีภาษาเป็นของตนเอง ภาษาราชการก็ใช้แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยู่เขตติดต่อกับประเทศไหน ก็ใช้ภาษาเค้าซะเลย คือด้านเหนือติดประเทศ เนเธอร์แลนด์ ก็จะใช้ภาษาเนเธอร์แลนด์ (ดัชต์) ส่วนทางด้านทิศใต้ของประเทศ มีเขตติดต่อกับประเทศ ฝรั่งเศส เลยใช้ภาษา ฝรั่งเศส นั่นเองค่ะ และมีบ้างส่วนน้อย ถึงน้อยมาก ที่ใช้ภาษา เยอรมัน ค่ะ
แต่ละเขตการปกครอง และยังมี “วันชาติ” ที่แตกต่างกันออกไป
- 21 กรกฎาคม คือ วันชาติ เบลเยียม
- 11 กรกฎาคม คือ วันชาติของเขต เฟลมมิช (เหนือ)
- 27 กันยายน คือ วันชาติของเขต วาโลเนีย (ใต้)
ประเทศ Belgium มี 10 จังหวัด
![](https://mayinbruges.com/wp-content/uploads/2021/05/About_Bruges_02.jpg)
เบลเยียม มีพื้นที่รวม 30,528 ตารางกิโลเมตร มีเขตติดต่อกับประเทศ ฝรั่งเศส,เยอรมนี,เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก และยังเป็นเป็นเมืองท่าขนส่งทางทะเลที่สำคัญ คือ ท่าเรือ Zeebrugge และ ท่าเรือ Antwerp
สภาพอากาศ : ช่วงเวลาที่อบอุ่นที่สุดของปี จะอยู่ระหว่าง เดือน เมษายน ถึง กันยายน นอกจากนั้น สภาพอากาศส่วนใหญ่จะเป็นฝนตก ลมแรงและลมที่นี่จะมีความเร็วมาก บางวันความเร็วมากกว่า 100 กม/ชม (ปั่นจักรยานต้านลมแทบไม่ไหวเลยในบางครั้ง) เราจึงเห็นที่นี่มีกังหันลมเยอะมากนั่นเองค่ะ เพื่อที่จะใช้พลังงานลมจากธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สุดๆ
ฤดูหนาว หากใครหลงใหลใน เมืองหิมะขาวๆ ทางฝั่งเหนือ จะไม่ค่อยมีหิมะตกนะคะ เราอยู่มา 4 ปีแล้ว หิมะตกน้อยมาก หากมีตก ก็ตกแค่นิดหน่อย แต่ละครั้ง ไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ ก็จะละลายหายหมดแล้วค่ะ หากฤดูหนาว ใครอยากเล่นหิมะ ต้องลงไปใต้ค่ะ หรือไม่ก็ไปเล่นสกี ที่ ประเทศฝรั่งเศสค่ะ จะมีหิมะเยอะกว่าเมือง Bruges
เมื่อนึกถึงเบลเยียม นึกถึงอะไรได้บ้างนะ
- ช็อกโกแลต
- ขนมวาฟเฟิล
- ประเทศต้นกำเนิด เฟรนช์ฟราย
- เพชรชื่อดัง ของเมือง Antwerp
- รูปปั้นเด็กยืนฉี่ (แมนเนเกน พิส) (Manneken Pis)
- เมืองหลวงแห่งสหภาพยุโรป Capital of Europe
- ทีมฟุตบอลชื่อดัง ปีศาจแดง แห่งยุโรป (Rode Duivels)
- นักปั่นจักรยาน แชมป์โลก
เนื่องจากประเทศนี้มีความซับซ้อนของภาษามากๆ ผลลัพธ์ที่ออกมาคือ
ประชากรดูรายการโทรทัศน์กันคนละชาแนล ฟังข่าวกันคนละภาษา ฟังเพลงกันคนละภาษา นั่นเองค่ะ ความซับซ้อนมาเยือนอีกแล้วตรงจุดนี้ คนที่นี่ไม่ใช่ว่าจะพูด 2 ภาษาได้ทุกคนนะคะ จะมีที่ฟัง ฝรั่งเศสออกบ้าง แต่ไม่ทั้งหมดค่ะ
รายการโทรทัศน์,โฆษณาต่างๆ,รายการข่าว ก็จะแบ่งภาษา เป็นชาแนลของ เวอร์ชันภาษา (Dutch) เนเธอร์แลนด์ และ ชาแนลของฝั่ง (French) ฝรั่งเศส
ตัวอย่างโฆษณาแชมเปญ เป็นโฆษณาตัวเดียวกัน ซึ่งซุปเปอร์มาเก็ตเจ้านี้ มีร้านทั่วประเทศเบลเยี่ยม แต่เวลาเค้าทำการตลาดเค้า หรือสื่อสิ่งพิมพ์ โปรโมชั่นต่างๆ ก็ต้องทำแยก 2 ภาษาค่ะ ดัชต์ , ฝรั่งเศส ใช้ภาษาต่างกันอย่างนี้ เท่ากับมีงานเพิ่มให้พิธีกร,ทีมงานกราฟิก และทีมตัดต่อไปอีกนั่นเองค่ะ 😅
มีตัวอย่างให้ฟังความแตกต่างแบบเล่นๆนะคะ สำหรับคนที่ยังไม่เคยทราบทั้ง 2 ภาษา แต่ก็จะสามารถได้ยินถึงความแตกต่างของภาษาได้ไม่ยากค่ะ
ในส่วนของ นักร้อง ศิลปินดังๆ ที่ร้องเพลงติดชาร์ทคลื่นวิทยุ ออกรายการโทรทัศน์ ของฝั่งภาคเหนือ (ฟลานเดอเริน) แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณโด่งดังมีชื่อเสียงทั่วประเทศเบลเยียม หรือว่าคนเบลเยียมฝั่งใต้ (วาโลเนีย) จะรู้จัก ดารา หรือ ศิลปิน,นักร้องท่านนั้น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเลย คือ
ผู้ชนะ ของรายการ The Voice van Vlaanderen ซึ่งจะเป็นรายการของคนภาคเหนือ นั่นหมายความว่า คนทาง เมืองหลวง Brussels หรือ ทางใต้ฝั่งวาโลเนีย แทบจะไม่รู้จักผู้ชนะจากรายการนี้เลยค่ะ เพราะเค้าแยกเวทีแข่งขันกันค่ะ สรุปคือ เบลเยียม มี 2 เวที The Voice ค่ะ
The Voice van Vlaanderen เป็นของภาคเหนือ (ฟลานเดอเริน , ฟลามส์) ดำเนินรายการเป็นภาษาดัชต์
The Voice Belgique เป็นของภาคใต้ (วาโลเนีย) ดำเนินรายการเป็นภาษาฝรั่งเศส
ผู้ชนะของแต่ละเขต ไม่ได้มีชื่อเสียงข้ามเขตกัน เพราะว่าเราดูรายการโทรทัศน์กันคนละชาแนล คือถ้าแชมป์ของ ภาคเหนือ ไปเดินชิวๆ ที่ฝั่งวาโลเนีย ก็ไม่มีใครรู้ว่าเค้าคือแชมป์ The Voice van Vlaanderen หรือเป็นคนที่มีชื่อเสียงของฝั่งเหนือ 5 จังหวัดนั่นเองค่ะ ในทางกลับกัน ทางภาคใต้ก็ไม่รู้จัก นักร้อง,ศิลปินของทางเหนือเช่นกันค่ะ ดังนั้นอาจจะเรียกได้ไม่เต็มปากว่า ฉันคือผู้ชนะของประเทศเบลเยียม นั่นเองค่ะ แต่รายการทั้งคู่ อยู่ในประเทศเบลเยียมค่ะ ไม่งงเนอะ 😅
ซึ่งไม่เหมือนบ้านเราค่ะ เช่นผู้ชนะรายการ The Voice หรือ รายการ The Star คือผู้ชนะ 1 เดียวของประเทศ มีชื่อเสียง จากเหนือ จรดใต้ ไม่ว่าจะนักข่าว หรือดารา ศิลปิน เราก็รู้จักคนเดียวกันทั่วประเทศ เพราะเรารวมเลือดเนื้อ ชาติเชื้อไทยกัน สุดๆ
วันนี้ขอเล่าเท่านี้ก่อนนะคะ ทั้งหมดที่กล่าวมาคือบางส่วนที่เราพอสรุปคร่าวๆ เกี่ยวกับความซับซ้อนของประเทศเบลเยียม สำหรับเรา เราว่ามันยุ่งยากไปหมด นี่ยังแค่เริ่มต้นนะคะ ยังมีอะไรให้ต้องเรียนรู้อีกเยอะเลยค่ะ
สำหรับคนที่กำลังย้ายมาอยู่ที่นี่ ก็ดูพิกัดของจังหวัดที่จะมาอยู่ได้เลยค่ะ ว่าจะย้ายมาอยู่เบลเยียมฝั่งเหนือ ลงเอยที่ภาษาดัชต์ หรือ ย้ายมาอยู่เบลเยียมฝั่งใต้ ใช้ภาษาฝรั่งเศส เพื่อเราจะได้เตรียมรับมือกับความแตกต่างของวัฒนธรรมภาษา แบบไม่ Culture shock นั่นเองค่ะ หรือถ้าใครมีเวลาว่างเยอะ ก็เรียนเหมาๆ 2 ภาษาไปเลยค่ะ ไปไหน จะได้รู้เขา รู้เรา 😅 👌🏻👍🏻